ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งรายการคุณภาพที่อยู่คู่แฟนๆมายาวนาน กว่า 30 ปี สำหรับ รายการเจาะใจ ซึ่งมี ‘ดู๋ สัญญา คุณากร’ เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมามีแขกรับเชิญจำนวนมากกว่า 1,000 คน ได้แวะเวียนเข้ามาสนทนา พร้อมแชร์เรื่องราว ประสบการณ์ เพื่อเป็นแนวทาง ข้อคิด การใช้ชีวิตให้กับคุณผู้ชมทางบ้าน

แม้กระทั่งพิธีกรเองก็ยังยกย่องแขกรับเชิญเป็นผู้ให้ความรู้ ราวกับเป็นอาจารย์นอกห้องเรียน “ผมทำรายการเจาะใจมาโดยประมาณ 28 ปี เนื่องจากมีตอน 2 ปีกลางๆ

ผมไปทำรายการของตัวเอง ส่วนตัวผมคิดว่าสิ่งที่ทำให้เจาะใจอยู่มาถึงปัจจุบันนี้ อันดับแรกจะต้องขอชื่นชม ‘บริษัทเจเอสแอล’ รวมทั้งทีมงานที่มีความตั้งอกตั้งใจ

ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปกี่ยุคสมัย อีกทั้งพัฒนาเปลี่ยนแปลงให้รายการมีความมากมาย แต่ก็ยังคงรักษารูปแบบเดิมที่ให้ความรู้ความเข้าใจ

ให้กำลังใจ สร้างแรงบันดาลใจ และก็ยังสอดแทรกความเพลิดเพลินเข้าไปเพื่อรับดูได้ง่าย ไม่ให้คิดว่าได้ดูรายการแล้วราวกับมาเรียนหนังสือ

บางครั้งผมไม่สัมภาษณ์หลายครั้งนัก เนื่องจากชีวิตผมไม่ค่อยมีอะไร บางครั้งฟังจนกระทั่งจบไม่มีร้องไห้เลยไม่มีตอนตื่นเต้นเลย พี่มาทำไมเนี่ย เรื่องเล่าผมมากมายก็จริง

แต่ไม่สามารถที่จะไปสร้างเป็นหนังไม่ได้ มันเรียบง่ายเกินไป มีคนเคยบอกผมว่า “เวลาพี่มากองถ่ายพี่ช่วยทำตัวให้ดูราวกับว่าคนในวงการบันเทิงหน่อย”

ผมเคยไปกองถ่าย ทีมงานเขาแลเห็นชุดผมขี่รถจักรยานยนต์สวมหมวกกันน็อก ทีมงานแซวกลับมา เอาของมาส่ง ผมว่าคนอยู่หน้ากล้องหลังกล้อง

ก็คนธรรมดาเหมือนกันทั้งสิ้น ก็มีชีวิตคล้ายกัน ไปเดินถนนก็เหมือนคนอื่นๆ นักแสดง พิธีกร สามารถขึ้นไปเป็นซุปเปอร์สตาร์ได้ แต่ถ้าหากว่าคุณเป็นซุปเปอร์สตาร์

เป็นคุณทำสิ่งนี้จนกระทั่งกลายเป็นอีกแบบนึง แต่ผมเป็นนักแสดง พิธีกร ไม่ใช่ซุปเปอร์สตาร์นะ ไม่ได้ถ่อมตัวนะ ผมเล่าตามสภาพจริง ถามว่าทำไมเลิกทำรายการ

เขาจะเอาเวลาไปให้คนอื่นวงการนี้ก็เป็นแบบนั้น เราตัวเล็ก เขาอยากได้เวลา เขาอยากให้ออก เราก็จะต้องออก ผมเลิกเอง ธุรกิจมันไม่เอื้อ เราเป็นรายการหนึ่งที่อยู่ในพันรายการ

เราไม่ได้เลิกว่าเราจะไปอยู่ดาวดวงอื่น เรายังคงอยู่ในวงการนี้ เพราะโลกมันเปลี่ยนแปลง คุณจะต้องไปพบหนทางอื่นต่อไป ตอนผมเลิกเป็นห่วงลูกน้องมากกว่า

รวมถึงถามว่าชื่อเสียงเงินทองสำคัญมั้ย ในวัย 56 สำหรับผม ชื่อเสียงเป็นประโยชน์ แต่คุณก็จะต้องทำตัวให้ดีอย่าทำตัวไม่ดีเพื่อรักษา

ชื่อเสียงถ้าหากคุณมีพอที่จะใช้ชีวิตแล้ว เป็นพอใช้แล้วคือร่ำรวยแล้ว แต่หากว่าคุณตะกายจะเอาอีก นั้นเป็นคุณยังไม่ร่ำรวยพอ ชีวิตผมก็โอเคแล้ว”