
Uncategorized
เจสัน ยัง ขอพักงานในวงการ
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนุ่มที่ผิดหวังกับความรักอยู่บ่อยครั้งซึ่งในครั้งนี้ก็ยังคงมีข่าวลือออกมาให้เราได้สืบกันอยู่เรื่อย สำหรับความรักของนักแสดงหนุ่ม เจสัน ยัง กับอี๊ฟ แฟนนอกวงการ ซึ่งจะมีแพลนจะจัดงานวิวาห์ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 แต่ก็ไร้วี่แววของทั้งคู่นั้นจะมีข่าวดี

จะอย่างไรก็ตามต้องดูกันต่อไปว่าความรักของทั้งคู่นั้นยังคงเป็นปกติหรือไม่ จากที่มีข่าวลือเลิกแฟนสาวนอกวงการ ทางตัวหนุ่ม เจสัน ยัง ก็ได้ห่างหายไปจากวงการ ไปทำตามความฝันที่บ้านเกิด ซึ่งความฝันที่เป็นจริงในวัย 42 ปี สำหรับ เจสัน ยัง นักร้อง นักแสดงชาวไทยเชื้อสายออสเตรเลีย ที่ห่างหายไปจากวงการบันเทิงไทยพักใหญ่

เผยเรื่องที่น่ายินดี กับความสำเร็จอีกขั้นในชีวิต ได้เรียนจบ และเข้าบรรจุเป็นเจ้าหน้าที่ Protective Services Officer สังกัด กรมตำรวจเเห่งรัฐควีนส์อลนด์ แล้ว โดย เจสัน เปิดใจว่า วันนี้ผมได้สำเร็จการศึกษาและผ่านการฝึกอบรมตามหลักสูตร Protective Services และได้กล่าวคำปฏิญาณตนในการปฏิบัติงานเป็นเจ้าหน้าที่ Protective Services Officer สังกัด


กรมตำรวจแห่งรัฐควีนส์แลนด์ Queensland Police Service บนแผ่นดินของพ่อผมที่ประเทศออสเตรเลีย ที่ต้องไปออสเตรเลียเพราะครั้งที่ 1 และ 2 บวชที่เมืองไทย ครั้งที่ 3 ผมอยากจะบวชให้แผ่นดินคุณพ่อ คุณพ่อเป็นคนออสเตรเลี่ยน ท่านเกิดและจากไปบนแผ่นดินออสเตรเลีย

ซึ่งได้เผยอีกว่าครั้งหนึ่งในชีวิตก็อยากจะไปบวชภาวนาอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับแผ่นดินบ้านเกิดเมืองนอนของท่าน ทุกครั้งผมจะบวชให้คุณพ่อ คุณแม่ หมดเลย ช่วงบวชครั้งแรก ตอนนั้นไปอยู่กับหลวงพ่อวิริยังค์ ไปปฏิบัติดูแลท่านอยู่ที่แคนาดา พอกลับมาก็อยากจะเดินทางธุดงค์ไปในป่าในเขาตามถ้ำตามที่ต่างๆ

ผมก็รู้สึกชีวิตเราไม่แน่นอนมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ถ้าเกิดผมไปสิ่งที่เรามีอยู่จะจัดการยังไงให้มันเกิดประโยชน์และเป็นธรรมที่สุด ก็เรียกญาติมาเลย ญาติทางฝ่ายคุณแม่มี 4 ครอบครัว แล้วก็ถอนเงินมาหมดเลยก็ไม่เยอะ 8 แสนเอง ครอบครัวละ 2 แสน ผมเหลือศูนย์ ก็บิณฑบาตครับ ตอนนั้นเป็นพระ ส่วนเรื่องบ้านตอนนั้นยังไม่อยากขายแล้วแบ่งเงิน


อยากให้คนมาอยู่ก็เลยนึกถึงแม่บ้าน คือพี่แหม่มดูแลเรามา ดูแลคุณแม่มาก็มี 20 กว่าปี แล้วเป็นคนที่ซื่อสัตย์มาก เราก็อยากจะตอบแทนเค้า ลูกเค้าก็ยังเรียนงั้นก็มาอยู่ที่บ้าน เราจัดความเป็นธรรมเอาไว้ให้หมด โอนโฉนดบ้านให้แม่บ้านครับ แม่บ้านก็รับไว้ เขาไม่อยากได้

ผมก็บอกว่ารับไว้เถอะ หลังจากนั้นผมก็อยู่ต่อซัก 9 เดือนที่เมืองไทยแล้วก็ลาสิกขาออกมา ไปขอแม่บ้านอยู่ครับ เขาก็ถามว่าเรื่องบ้านจะเอาคืนไหม ผมก็บอกว่าผมให้แล้วผมไม่อยากผิดสัจจะ ก็อยู่กันไปอย่างนี้ก่อนแล้วกัน

ให้ผมอยู่ผมก็ดีใจแล้ว ก็อยู่กันเป็นเหมือนครอบครัว จะเป็นของใครก็ได้ มันเป็นแค่ชื่อ แต่ผมได้มีที่นอน สุดท้ายพี่แหม่มก็พาไปกรมที่ดินแล้วก็โอนคืนให้ เขาบอกว่าเขาไม่ได้อยากรับแต่แรกอยู่แล้ว

