
Uncategorized
ล่าสุด น้องเกรซ หลังผ่านมา16
เรียกได้ว่าจำแทบไม่ได้เลยจริงๆสำหรับ “น้องเกรซ นวรัตน์ เตชะรัตนประเสริฐ” ลูกสาวสุดเลิฟของผู้ก่อตั้งสหมงคลฟิล์ม อย่าง “เสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ”

ที่ชาวเน็ตคุ้นเคยกันนั่นก็คือลุคที่ไว้ ผมหน้าม้า ที่โด่งดังมากจากภาพยนตร์เรื่อง ข้าวเหนียวหมูปิ้ง, เอ๋อเหรอ ฯลฯ หลังจากนั้นเธอก็ได้เปลื่ยนลุคให้ต้องตกตะลึงกันทั้งโซเชียลฯ

ในรูปลักษณ์ใหม่ที่มาพร้อมความแมนแบบสุดๆ จนสาวๆเห็นแล้วก็อดที่จะกรี๊ดกร๊าดกันไม่ได้ เพราะไม่ใช่เพียงแค่ดูมาดแมนอย่างเดียว แต่น้องเกรซยังมีหน้าตาที่หล่อเหลาไม่แพ้ผู้ชายแท้ๆ

โดย เกรซ นวรัตน์ ก็ได้ออกมาเปิดใจผ่านรายการ Woody ว่า รู้ตัวว่าตัวเองไม่เป็นผู้หญิงตั้งแต่ ป.1 คือเด็ก ๆ เคยมีปัญหาเรื่องแพ้ผม หมอให้ตัดผมสั้น แต่พอเราไปเรียนแล้วก็รู้สึกไม่ใช่

เลยให้คุณแม่พาไปตัดสกินเฮด วันรุ่งขึ้นก็ใส่กางเกงไปเรียนเลย ตอนนั้นก็รู้สึกว่านี่แหละใช่เลย มาถูกทางแล้ว ถ้าใครได้รู้จักเกรซ ทุกคนจะมองข้ามเรื่องเWศไป

หลัง ๆ ตนได้ถามเพื่อนว่าคิดยังไง เพื่อนก็บอกว่า เขาไม่ได้มองเรื่องเพศแล้ว เขามองว่าเกรซเป็นเกรซ และเข้าใจว่าคนไม่ได้กำหนดด้วยเรื่องเพศ แต่กำหนดด้วยความเป็นเขาจริง ๆ

ส่วนเรื่องหัวใจก็มีแฟนแล้ว แต่ก็ไม่ได้พูดว่าเป็นแฟนกันอยู่กันเป็นเพื่อน อยู่ด้วยแล้วสบายใจ เขาเข้าใจเรา “วันที่ทรมานที่สุด คือการต้องแต่งตัวเป็นผู้หญิง

ใส่กระโปรงไปรับรางวัลสุพรรณหงส์ ตอนนั้นเคยขอทีมงานว่าขอใส่ชุดสูทได้ไหม แต่ทางเขาบอกว่าไม่ได้เพราะเราแสดงเป็นเด็กผู้หญิง วันที่ต้องใส่อายมากและไม่อยากไป

แต่ตอนนั้นก็เด็กมากพูดไม่ได้ ได้แต่คิดว่า นี่คือสิ่งที่ถูกต้องและควรจะเป็น แต่มันไม่ได้เศร้าจนร้องไห้ แต่คิดว่าเราผิดปกติไหม ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร ต้องรักษาหรือเปล่า

แต่ที่ผ่านมาได้เพราะครอบครัวและเพื่อน ก่อนหน้านี้ก็เคยมีกรณีโดนมองว่าทำไมถึงไม่พูด ค่ะ จนคุณป้ากับคุณแม่ให้เราพูดลงท้ายด้วยค่ะ แรก ๆ ก็ไม่อยากพูด แต่หลัง ๆ มาเริ่มชิน

เพราะรู้ว่านี่คือสิ่งที่สังคมอยากให้เป็น แต่ถ้าเรากลับไปที่บ้านเราเป็นอะไรก็ได้ ตอนนั้นเราก็เลยทำตรงนั้นให้จบ แล้วเราก็หายไปจากวงการ เพราะรู้สึกแย่และมันทำให้เรากลัวที่จะกลับมา

เพราะถ้าเรากลับมาก็ต้องกลับมาเป็นแบบเดิม แต่ตอนนี้คือโอเคมาก” ทั้งนี้ เกรซ ได้ปิดท้ายว่า หลังจากวันรับปริญญามา ก็มีคนเข้าใจเราเยอะ รู้สึกว่าเราไม่ต้องแอบแล้ว

ตลอดเวลาเราต้องใช้ชีวิตแบบแอบ ๆ เราไม่กล้าเข้าห้องน้ำในที่สาธารณะ เราไม่รู้ว่าเขาจะโอเคไหม แต่วันนี้พอเราได้ก้าวออกมาพูดก็สบายใจมาก ๆ ได้เป็นตัวเอง

และวันนี้ก็อยากพูดแทนคนที่มีปัญหาเรื่องการข้ามเพศ การอยากพูดว่าตัวตนของเราเป็นอะไร ถ้าเราทำแทนเขาได้มากเท่าไรก็จะทำ ถามว่าถ้าหากพ่อแม่เขาไม่เข้าใจ

เราก็อยากจะบอกว่าจากการวิจัยพบว่า คนข้ามเพศเกิน 50 เปอร์เซ็นต์ เคยคิดฆ่าตัวตาย เพราะรู้สึกไม่ปลอดภัยและไม่ได้รับการยอมรับ ตนก็อยากจะบอกว่าขอให้ใช้ชีวิตต่อไป

พ่อแม่ไม่เข้าใจไม่เป็นไร มันต้องมีคนที่เข้าใจเรา เกรซเข้าใจ และเชื่อว่าสักวันมันจะมีคนที่เข้าใจเราได้จริง ๆ ยิ่งมีแรงต่อต้านเรายิ่งอยากสู้แทนเขามากเท่านั้น
