สมจิตร ต้องจอหอ ก่อนไปสู่วงการบันเทิง ‘สมจิตร’ เป็นนักมวยไทยมาก่อน ใช้ชื่อว่า ‘ศิลาชัย ว.ปรีชา’ ก่อนจาเปลี่ยนมาชกมวยสากล

และก็เป็นนักกีฬาทีมชาติไทยที่สามารถคว้าเหรียญทองโอลิมปิก เหรียญทองเอเชียนเกมส์ 2 ยุค และเหรียญทองซีเกมส์ 3

‘สมจิตร จงจอหอ’ มีภรรยาสาว ‘อุ๋ม แข’ มีลูกๆ‘น้องกำปั้น’ ที่เป็นเด็กสมาธิสั้นตั้งแต่อายุ 10 ขวบ สมองช้ากว่าอายุจริงถึง 5 ปี และ ‘น้องจันทร์เจ้า’

หลังจากนั้น ‘สมจิตร’ ก็เริ่มรับงานในวงการบันเทิง ด้วยการปรากฏตัวในรายการทีวีหลายช่อง หรือได้ร่วมแสดงในละครหลายเรื่อง

แล้วก็เป็นพิธีกรในรายการทีวีหลายรายการ แล้วก็ในปีพ.ศ. 2565 ‘สมจิตร’ ก็ได้กลับมาชกมวยอีกครั้งกับการกลับขึ้นสังเวียนมวย

ในรายการชกมวยดารา 10 fight 10 ซีซัน 3 รวมทั้งคู่ชกของ ‘คุณวิจารณ์ พลฤทธิ์’ ฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิกผู้ที่ 2 ปี 2000 ของชาวไทย

‘สมจิตร จงจอหอ’ เผยมรสุมชีวิต ไม่มีงาน แถมภรรยาเป็นพุ่มพวง หนักถึงขั้นบอกลากันไว้แล้ว แต่โชคดีที่ตอนนี้อาการดีขึ้น เป็นอยู่นาน

ต้องขับรถจากปากช่องส่งภรรยาที่รพ.จุฬาฯ ทุกเดือน พลังใจให้กันสำคัญที่สุด สำหรับลักษณะของเมียเดี๋ยวนี้ดียิ่งขึ้น จากวันแรกที่เข้าโรงพยาบาล

เสมือนเมียหนักถึงขั้นเดินไม่ได้และผิวหนังคันไปตลอดตัว แต่สุดท้ายภรรยาได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง จนตอนนี้อาการดีขึ้นกลับมาเป็นสภาพ 80-90 เปอร์เซ็นต์

สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ขับขี่รถ ทำงาน แต่ว่าต้องระมัดระวังเรื่องอาหาร การพักผ่อน และ การเจอคนเยอะๆเพื่อไม่ให้เจอกับเชื้อโรค

โดยทุกเดือน ‘สมจิตร’ จะต้องขอลากองละครเพื่อที่จะขับรถรับส่ง ภรรยา จากปากช่องมาที่โรงพยาบาลจุฬา เพื่อมาหาแพทย์ทุกเดือน

สำหรับตัวเองเชื่อว่าจิตใจสำคัญมาก บางสิ่งบางอย่างพลังใจของคนสำคัญ เมื่อเจอเหตุการณ์ที่หมดกำลังใจกับชีวิต หรือเหตุการณ์ที่ไม่ดี

หากมีกำลังใจที่ลดลงไปจะตกไปเลย แต่ว่าถ้ากำลังใจดี คนให้กำลังใจเยอะ จิตใจก็จะสดชื่นก็จะเข้มแข็งกลับมาได้เหมือนเดิม

ยอดนักมวยเหรียญทอง สู่ยศนายพัน บ้าน ‘สมจิตร ควรจอหอพัก’ อยู่กับครอบครัว โดยคุณสมจิตรพูดว่า ตัวเองชกมวยสากลมาเป็นเวลากว่า 12 ปี แล้ว

ชีวิตของตนอยู่กับกีฬามาตลอดตั้งแต่เด็กจนโต เมื่อถึงวันหนึ่งตนเองก็ได้แขวนนวม แต่ตนก็ได้รับโอกาสให้เข้ามาสู่วงการบันเทิง ซึ่งก็ต้องขอบคุณทางวงการด้วย

ที่ให้โอกาสนักกีฬาคนหนึ่งและมองเห็นถึงความสามารถของผม กับบทในการเป็นนักแสดงและพิธีกร บ้านของเขา ที่ยังอยู่หลังเดิมแม้จะมีชื่อเสียงแล้วแต่ก็มิได้ใช้ฟุ่มเฟือย

ไปกับการซื้อบ้านหลังใหญ่ๆหรือหรูหรา ใช้ชีวิตแบบแฮปปี้ ไม่ยึดติดแสงสีในเมืองกรุงเทวดาฯ ดั่งคนอื่นคนจำนวนไม่น้อย ครอบครัวก็ยังอยู่ด้วยกันปกติ อบอุ่นดี ไม่มีปัญหา