
Uncategorized
ชีวิต หม่อมโจ้ รุ่งคุณ ลูกชาย ปุ๊ก อาภัสรา
เชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศต้องรู้จักเธอคนนี้อย่างแน่นอน สำหรับ “ปุ๊ก อาภัสรา” ผู้ครองมงกุฎนางงามจักรคนแรกของเมืองไทย ถึงแม้ว่าปัจจุบันนี้เธอจะมีอายุ 75 ปีเข้าไปแล้ว

แต่ความสวยสง่าของ “ปุ๊ก อาภัสรา” ก็ยังคงมีเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงเลย โดยปัจจุบัน “ปุ๊ก อาภัสรา” นั้นก็ได้เปิดสปา ทางด้านชีวิตครอบครัวของ “อาภัสรา หงสกุล” นั้น

เธอมีลูกทั้งหมด 2 คนนั่นก็คือ “หม่อมหลวงรุ่งคุณ กิติยากร” หรือที่รู้จักกันดีในนาม “หม่อมโจ้” ลูกชายคนโต และ “ป๊อก ภัสสรกรณ์ จิราธิวัฒน์” (น้องต่างบิดา)

แร๊พเปอร์หนุ่มสามีของนางเอกสาว “มาร์กี้ ราศรี” วันนี้เราจะพาทุกท่านมา เปิดภาพล่าสุด “หม่อมโจ้” ลูกชายคนโต นางงามจักรวาล “อาภัสรา” หลังทิ้งชีวิตคุณชาย

ไม่สนยศถาบรรดาศักดิ์ ผันตัวทำเกษตรอินทรีย์! โดยก่อนหน้านี้หลายคนอาจทราบว่า “หม่อมโจ้” นั้นได้ทำไร่สวนผสมทุกอย่างที่เป็นออร์แกนิก บนเนื้อที่ประมาณ 40-50 ไร่

ใกล้ๆ เขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา อีกทั้งก็ยังส่งขายตามห้างสรรพสินค้าอีกด้วย วันนี้หม่อมโจ้เป็นคุณพ่อที่มีหนุ่มน้อย ด.ช.กัสสป วัย 6 ขวบ อยู่เคียงข้าง พร้อมด้วยภรรยาสุดสวย “กิ๊บ บุรีรัตน์ พรมดาว”

ที่อายุอ่อนกว่าเขาเกือบ 20 ปี หนุ่มใหญ่วัย 49 ปีผู้นี้ เล่าให้ฟังถึงที่มาที่ไปของการสละชีวิตสุขสบายในเมืองกรุงมาเป็นชาวสวนว่า ย้อนกลับไปเมื่อปี 2557 ช่วงนั้นไม่ได้ทำงานกับบริษัทที่กรุงเทพฯ

และต้องการงานใหม่เลยคิดว่าน่าจะทำอะไรกับที่ดินแถวปากช่องที่ซื้อไว้ 10 กว่าปีแล้ว ซึ่งไม่ใช่ที่ดินมรดก ตอนซื้อราคาไม่เท่าไหร่ เป็นไร่มันสำปะหลัง

แต่ก่อนไม่ได้คิดมาทำการเกษตร ซื้อไว้คิดว่าพออายุเยอะแล้วก็อยากอยู่เงียบๆ ไปปฏิบัติธรรม ประจวบกับตอนนั้นเกิดเหตุน้ำท่วม และคิดว่าเมื่อมีความจำเป็นจะทำอย่างไรให้อยู่ได้ด้วยการพึ่งตัวเอง

โดยเน้นในเรื่องอาหารที่เรากิน เราอิ่ม และเน้นที่เราชอบ พอเริ่มมาทำมาศึกษาก็คิดปลูกผลไม้ สาเหตุที่เริ่มจากมะละกอเป็นอย่างแรกเพราะปลูกไม่นานก็มีผลขายได้แล้ว

ถ้าเป็นมะม่วงใช้เวลา 3 ปี ไม้ใหญ่ๆ จะใช้เวลานาน เลยเอามะละกอที่สามารถทำรายได้ให้ก่อน ใช้เวลาไม่กี่เดือน ประมาณ 8 เดือน ถ้าตอนมาจากอีกต้น 2 เดือนก็ออกแล้ว

เมื่อถามว่าเหนื่อยไหมกับการทำเกษตรอินทรีย์ 4 ปีกว่า หม่อมโจ้ทวนคำถามที่ว่า เหนื่อยไหม แล้วต่อท้ายว่า “มันเป็นอะไรที่ท้าทายและมีความคืบหน้าตั้งแต่เริ่มทำ”

เนื่องจากที่ดินของเราไม่เรียบ ไปปรับมันด้วยมือ ผมว่ามันสนุกสำหรับผม และโอเค เราทำเป็นทีมอยู่ในไร่ ทำในลักษณะกำไรเราแบ่งเท่าๆ กัน ทั้งเจ้าของครอบครัวผม

และครอบครัวคนที่ทำงานที่ช่วยกันทำ แต่ผมเป็นเจ้าของที่และมีเงินลงทุนเป็นส่วนของผม ก็หักมาคืน แต่ในส่วนกำไร การบริหารทุกคนได้เท่ากัน

ผมทำอย่างนี้แต่ละคนก็มีส่วน อย่างคนหนึ่งเป็นผู้จัดการในส่วนของภาคสนาม คุณกิ๊บก็เป็นส่วนของการตลาด ผมเองทำในส่วนของการวิจัย การออกแบบหรือวิธีการจัดการ”

“ทั้งหมดนี้เป็นฐานชีวิตของลูกผม และลูกของครอบครัวที่ช่วยกันทำงานอยู่ในตรงนี้ ต่อไปไม่จำเป็นต้องสมัครหรือไปรับงานที่ไหน อยากทำแบบนี้ก็อยู่ได้”

ฟังมาสักพักแล้วแต่ก็ยังสงสัยอีกว่า หม่อมโจ้ยึดอาชีพเกษตรกรรมเต็มตัวแน่หรือ โดยเฉพาะเมื่อยามต้องกรอกแบบฟอร์มเกี่ยวกับอาชีพที่ทำในปัจจุบัน