เชื่อหลายๆคนคงจะคุ้นกับวลีคำกล่าวที่ว่า “นะจะบอกให้” ซึ่งคงจะไม่มีใครไม่รู้จัก ‘คำรณ หว่างหวังศรี’ อดีตผู้รายงานข่าวและพิธีกรโด่งดัง ช่อง 7 สี

ที่เคยมีชื่อเสียงเป็นนักข่าวภาคสนามและก็คอยทำหน้าที่รายงานข่าวเกี่ยวกับข่าวสะท้อนชีวิตวิถีชีวิตชาวบ้าน ยุคทอง “นะจะบอกให้”

เป็นที่รู้จักเงินทองไหลมาเทมา ชี้นิ้วซื้อบ้านรถยนต์ที่ไหนก็ได้ ‘คำรณ หว่างหวังศรี’ พิธีกรดัง นักร้อง เจ้าของสโลแกน “นะจะบอกให้”

ขวัญใจชาวบ้านกว่า 30 ปี เป็นที่รู้จักมากๆโด่งดัง มาพร้อมเงินทอง สามารถชี้นิ้วซื้อบ้าน ซื้อรถยนต์ อยากได้ไหนก็ได้

เรียกว่า ชี้บ้านได้บ้าน ชี้รถยนต์ได้รถยนต์ ซื้อเลย คิดว่าการที่เรามีเงินเดือนอะไรๆก็ดูสบายไปซะทุกสิ่งทุกอย่างกระทั่งยุคเปลี่ยนไป

‘คำรณ’ เปิดใจกับ โดยเล่าถึงจุดเริ่มต้นการเป็นผู้สื่อข่าวชาวบ้าน เพราะดูดซึมกับอาชีพเกษตรกรจากทางบ้าน

แต่ก็เห็นว่าเป็นอาชีพที่ยากลำบาก ก็เลยตั้งใจเรียนหนังสือ เมื่อมามองเห็นเรื่องราวแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดต่างๆก็เกิดความสนใจ

ตอนเรียนนั้นก็สอบติดในสายงานหนังสือพิมพ์ กระทั่งก้าวขึ้นมาสู่จอโทรทัศน์ ก่อนหน้านี้ไม่รู้จักสึกว่าจะมีชื่อ นอกจากเป็นนักข่าวแล้วยังเคยออกเทปมาแล้ว 3 ชุด อีกด้วย

ส่วนสาเหตุที่ลาออกจากช่อง 7 นั้น เป็นเพราะเป็นยุคสมัยมันเปลี่ยนรวมทั้งแปลงผู้บริหารคนเก่าออกคนใหม่เข้ามาแทนผู้บริการหารคนเก่า

ก็อาจจะพอใจเราบ้างแต่พอผู้บริหารคนใหม่มาเขาอาจจะมองเราว่าเราล้าสมัยมองดูเก่าไปเราก็จะต้องออกไปพบที่ใหม่ในตอนนั้นสุขสบาย

แต่พอดิจิตอลมันเข้ามาแทนที่เท่านั้น เขาก็แบกรับกันไม่ไหวเขาก็ให้เราไปเป็นค่าโฆษณา แล้วเราหาโฆษณาไม่ค่อยจะได้จนกระทั่งมันก็เข้าเนื้อเราตลอด

ถามว่าทำไมถึงไม่หยุดทำรายการทีวีเราก็จะต้องคอยปรับเปลี่ยนตัวเองให้กับการทำทีวียุคใหม่ด้วย ในตอนที่การงานรุ่งเรือง มีรายได้เป็นจำนวนมาก

ถึงขั้นวันหนึ่งอยากได้บ้าน นั่งรถยนต์ผ่านแถวรังสิต ก็สามารถชี้เลยว่าอยากได้หลังนี้ ตอนนั้นซื้อไว้บ้านไว้เต็มเลย ทาวน์เฮ้าส์ บ้านเดี่ยว รถยนต์

ในตอนนั้นถึงขั้นมีรูปตัวเองเป็นพรีเซ็นเตอร์ขายบ้าน ขณะนี้ไม่เหลือเลย ขายไปหมดเลย ในตอนนี้เช่าอยู่

โดยเหตุผลที่หมดตัวว่าเพราะเศรษฐกิจผันแปร วันหนึ่งชีวิตกลับจะต้องพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือ